Skip to Main Navigation

มุมมองระยะยาว: รายงานอัพเดทเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เมษายน 2568

สำรวจเนื้อหาในรายงานเบื้องต้น:

ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia Pacific: EAP) กำลังเติบโตเร็วกว่าพื้นที่อื่นๆ ของโลก แต่อัตราการเติบโตยังคงช้ากว่าช่วงก่อนการเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกจะชะลอตัวลงเหลือร้อยละ 4.0 ในปี พ.ศ. 2568 จากเดิมที่อยู่ที่ร้อยละ 5.0 ในปี พ.ศ. 2567 โดยแนวโน้มการเติบโตของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคในปี พ.ศ. 2568 มีดังนี้: ประเทศจีนคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 4.0 ประเทศกัมพูชาร้อยละ 4.0 ประเทศอินโดนีเซียร้อยละ 4.7 ประเทศมาเลเซียร้อยละ 3.9 ประเทศมองโกเลียร้อยละ 6.3 สปป.ลาวร้อยละ 3.5 ประเทศฟิลิปปินส์ร้อยละ 5.3 ประเทศไทยร้อยละ 1.6 และประเทศเวียดนามร้อยละ 5.8 ส่วนประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2.5

ทั้งนี้ การคาดการณ์เหล่านี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และผลการเติบโตที่แท้จริงนั้นจะขึ้นอยู่กับการพัฒนาในระดับสากลและทางเลือกนโยบายของแต่ละประเทศ

ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยการพัฒนาภายนอกที่สำคัญสามประการ ได้แก่

ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านการค้า

The World Bank

ข้อจำกัดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น

The World Bank

การเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง

The World Bank

ดูเพิ่มเติม: สำหรับเดสก์ท็อป | สำหรับมือถือ

ความไม่แน่นอนในระยะสั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องคำนึงถึงแนวโน้มระยะยาวในด้านการบูรณาการทางเศรษฐกิจในระดับโลก สิ่งแวดล้อม และประชากรศาสตร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อการค้า การเติบโต และการจ้างงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก

The World Bank

The World Bank

The World Bank

ดูเพิ่มเติม:

สำหรับเดสก์ท็อป | สำหรับมือถือ

แนวทางการตอบสนองเชิงนโยบายสามประการ

เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ประเทศต่างๆ จะต้องใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ดำเนินการปฏิรูปภายในประเทศ และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

รายงานอัพเดทเศรษฐกิจฉบับก่อนหน้ามีการกล่าวถึงประเด็นเชิงนโยบายหลายประการ:

ประกอบด้วย:

(1) นโยบายสนับสนุนตลาดแรงงานโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ในการเพิ่มศักยภาพด้านการผลิต
(2) นโยบายสนับสนุนธุรกิตต่างๆ ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ และช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการผลิตของธุรกิจในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เพื่อให้สามารถตามทันประเทศผู้นำระดับโลกได้ 
(3) นโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จาก ศักยภาพของภาคบริการ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและการสร้างงานในเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
(4) นโยบายในการรับมือกับ ความท้าทายสำคัญอย่างการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ สังคมสูงอายุ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
(5) นโยบายเพื่อแก้ไข ปัญหาความบิดเบือนทั้งใหม่และเก่าในภาคอุตสาหกรรมอาหาร เชื้อเพลิง และการเงิน
(6) นโยบายส่งเสริม การเผยแพร่และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้
(7) สร้าง โอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ และ สร้างความมั่นใจในการเข้าถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึง เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างเท่าเทียม
(8) การปฏิรูปการค้า โดยเฉพาะในภาคบริการที่ยังคงมีมาตรการคุ้มครองอยู่ เช่น ภาคการเงิน ภาคการขนส่ง ภาคการสื่อสาร เพื่อเพิ่มผลิตภาพของกิจการ หลีกเลี่ยงแรงกดดันที่จะต้องปกป้องภาคส่วนอื่นๆ และเตรียมความพร้อมให้แก่บุคลากรในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การแพร่ระบาด
(9) นโยบายภาคการเงิน เพื่อสนับสนุนการบรรเทาความเสียหายและการฟื้นตัวโดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน
(10) การสนับสนุนผู้ประกอบการ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ภาวะล้มละลายและการว่างงาน ในแนวทางที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดสรรแรงงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็น
(11) ความคุ้มครองทางสังคม เพื่อช่วยเหลือการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนและพาแรงงานกลับสู่ภาคเศรษฐกิจตามการฟื้นตัวของประเทศ
(12) การพัฒนาโรงเรียนอัจฉริยะ เพื่อป้องกันปัญหารการขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว โดยเฉพาะประชากรในกลุ่มยากจน
(13) การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะการใช้มาตรการอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากการใช้ยารักษาโรค เช่น การตรวจ ติดตาม และคัดแยกผู้ป่วย
(14) นโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแรงกว่าเดิม
(15) นโยบายการคลัง เพื่อการบรรเทาความเสียหาย สนับสนุนการฟื้นตัว และส่งเสริมการเติบโต
(16) การฉีดวัคซีน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

ดูรายงานและการอัพเดททั้งหมดได้ที่ เว็บไซต์สำนักงานหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก