งาน: อัปเดตเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAP) — ตุลาคม 2568

เกี่ยวกับ

ปัจจุบันการส่งออกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเผชิญกับอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่เพิ่มสูงขึ้น และการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว แรงงานในภาคส่วนนี้ต้องรับมือกับการใช้หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแพลตฟอร์มดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้น ดาวน์โหลด "Jobs" เพื่อศึกษาว่าการปฏิรูปจะสามารถขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและพัฒนาศักยภาพของมนุษย์เพื่อสร้างงานที่ดีขึ้นได้อย่างไร

On selection, leaving this page

เนื้อหาในรายงาน

การเติบโตของ GDP ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAP) ยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก แต่คาดว่าจะชะลอตัวลงในปี 2568 และจะยิ่งชะลอตัวลงอีกในปี 2569

คาดการณ์ว่าการเติบโตของจีน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาค จะลดลงจากร้อยละ 4.8 ในปีนี้ เหลือร้อยละ 4.2 ในปี 2569 และคาดการณ์ว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคจะเติบโตร้อยละ 4.4 ในปี 2568 และร้อยละ 4.5 ในปี 2569 โดยคาดการณ์ว่าประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกจะเติบโตร้อยละ 2.7 ในปี 2568 และร้อยละ 2.8 ในปี 2569

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโต

ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น ข้อจำกัดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่แม้จะคลี่คลายแต่ก็ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง และการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงทางเลือกนโยบายภายในประเทศ โดยเฉพาะการพึ่งพามาตรการกระตุ้นทางการคลังในบางประเทศมากกว่าการปฏิรูปโครงสร้าง

ตลาดการเงินโลกยังคงพบกับความผันผวนทางนโยบายที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่าประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะเผชิญกับความท้าทายที่แท้จริง แต่กลับประสบกับภาวะการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกกับประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วได้ขยายกว้างขึ้น ทำให้เงินทุนไหลเข้าภูมิภาคและมีค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น

แม้ในสภาพแวดล้อมภายนอกที่ยากลำบาก ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกก็สามารถเดินหน้าต่ออย่างมีพลวัตได้ แต่การสนับสนุนการเติบโตในระยะสั้นผ่านมาตรการทางการคลังอาจให้ประโยชน์กับการพัฒนาที่ยั่งยืนน้อยกว่าการปฏิรูปภายในประเทศที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ข้อมูลล่าสุดของการปฏิรูปในภาพรวมชี้ให้เห็นว่า ยังคงมีช่องว่างขนาดใหญ่ที่ประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะสามารถดำเนินการปฏิรูปได้เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วบางกลุ่ม

งานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก

คนหนุ่มสาวในจีน อินโดนีเซีย และบางประเทศในภูมิภาค เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ประสบปัญหาในการหางาน

คนส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกที่มองหางานก็ได้งาน อัตราการจ้างงานโดยรวมค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ

การเพิ่มผลผลิตงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศสมาชิกภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ส่วนใหญ่ เนื่องจากผลิตภาพแรงงานยังคงค่อนข้างต่ำและต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก ยกเว้นในจีนและมาเลเซีย

การสร้างโอกาสในการจ้างงานเป็นสิ่งสำคัญสำหรับหมู่เกาะแปซิฟิก เนื่องจากสัดส่วนของประชากรวัยทำงานที่มีงานทำต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก

โอกาสทางเศรษฐกิจและศักยภาพของมนุษย์มีความสัมพันธ์กัน และงานเป็นผลมาจากปฏิสัมพันธ์เชิงพลวัตของทั้งสองสิ่งนี้

Drivers of Capacities and Opportunities

The World Bank

Source: EAPCE’s illustration.

นโยบาย

การปฏิรูปเพื่อสร้างงานที่มีประสิทธิผลมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะต้อง:

  • เสริมสร้างศักยภาพของมนุษย์ โดยการปรับปรุงการดูแลสุขภาพ การศึกษา และการฝึกอบรม เสริมสร้างทักษะให้ผู้คนในการทำงานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
  • ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่การขนส่งและพลังงานไปจนถึงดิจิทัล และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าสู่ตลาดของบริษัทใหม่และปลดล็อกเงินทุนภาคเอกชน และ
  • เพิ่มการประสานงานเพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์และโอกาสทางเศรษฐกิจจะดำเนินไปอย่างราบรื่น

(1) นโยบายที่จะส่งเสริมผลผลิต ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ และเสริมสร้างความยืดหยุ่นโดยใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ส่งเสริมการปฏิรูปภายในประเทศ และเจาะลึกความร่วมมือระหว่างประเทศ
(2) นโยบายสนับสนุนตลาดแรงงานโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ ในการเพิ่มศักยภาพด้านการผลิต
(3) นโยบายสนับสนุนธุรกิตต่างๆ ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ และช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการผลิตของธุรกิจในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก เพื่อให้สามารถตามทันประเทศผู้นำระดับโลกได้
(4) นโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จาก ศักยภาพของภาคบริการ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตและการสร้างงานในเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
(5) นโยบายในการรับมือกับ ความท้าทายสำคัญอย่างการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ สังคมสูงอายุ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
(6) นโยบายเพื่อแก้ไข ปัญหาความบิดเบือนทั้งใหม่และเก่าในภาคอุตสาหกรรมอาหาร เชื้อเพลิง และการเงิน
(7) นโยบายส่งเสริม การเผยแพร่และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้
(8) สร้าง โอกาสให้แก่ผู้ประกอบการ และ สร้างความมั่นใจในการเข้าถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างทั่วถึง เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างเท่าเทียม
(9) การปฏิรูปการค้า โดยเฉพาะในภาคบริการที่ยังคงมีมาตรการคุ้มครองอยู่ เช่น ภาคการเงิน ภาคการขนส่ง ภาคการสื่อสาร เพื่อเพิ่มผลิตภาพของกิจการ หลีกเลี่ยงแรงกดดันที่จะต้องปกป้องภาคส่วนอื่นๆ และเตรียมความพร้อมให้แก่บุคลากรในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งมีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่การแพร่ระบาด
(10) นโยบายภาคการเงิน เพื่อสนับสนุนการบรรเทาความเสียหายและการฟื้นตัวโดยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน
(11) การสนับสนุนผู้ประกอบการ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ภาวะล้มละลายและการว่างงาน ในแนวทางที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดสรรแรงงานและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่จำเป็น
(12) ความคุ้มครองทางสังคม เพื่อช่วยเหลือการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนและพาแรงงานกลับสู่ภาคเศรษฐกิจตามการฟื้นตัวของประเทศ
(13) การพัฒนาโรงเรียนอัจฉริยะ เพื่อป้องกันปัญหารการขาดแคลนทรัพยากรมนุษย์ในระยะยาว โดยเฉพาะประชากรในกลุ่มยากจน
(14) การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะการใช้มาตรการอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากการใช้ยารักษาโรค เช่น การตรวจ ติดตาม และคัดแยกผู้ป่วย
(15) นโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเติบโตอย่างแข็งแรงกว่าเดิม
(16) นโยบายการคลัง เพื่อการบรรเทาความเสียหาย สนับสนุนการฟื้นตัว และส่งเสริมการเติบโต
(17) การฉีดวัคซีน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19