ข่าวประชาสัมพันธ์

ประเทศไทยติดอันดับ 17 ของโลกด้านความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ขณะที่ในเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกมีการปรับกฎระเบียบทางธุรกิจที่ดีขึ้น

วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554




วอชิงตัน ดีซี วันที่ 20 ตุลาคม 2554 – รายงานฉบับใหม่ของธนาคารโลกและบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) พบว่าสิงคโปร์และฮ่องกงมีกฎระเบียบที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากที่สุดในโลก โดยประเทศจีนมีความก้าวหน้ามากที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกในการปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากที่สุดในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา

รายงานความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ฉบับปี 2555: การประกอบธุรกิจในโลกที่มีความโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ ได้ประเมินกฎระเบียบที่มีผลต่อการประกอบการของบริษัทเอกชนภายใน 183 ประเทศ และจัดอันดับตามกฎระเบียบใน 10 ด้าน อาทิ การจัดตั้งธุรกิจ การจัดการการแก้ปัญหาล้มละลาย และการค้าข้ามแดน การจัดอันดับด้านความสะดวกในการประกอบธุรกิจปีนี้ยังได้เพิ่มตัวชี้วัดเรื่องการขอรับบริการไฟฟ้า รายงานฉบับนี้พบว่าประเทศไอซ์แลนด์ เยอรมนี ไต้หวัน จีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ สามารถให้บริการด้านการขอรับไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยในตัวชี้วัดนี้ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 9

การเพิ่มตัวชี้วัดด้านการขอรับบริการไฟฟ้าส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 17 จากการจัดอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจโดยรวม โดยที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 19 ในปีที่ผ่านมาซึ่งยังไม่มีตัวชี้วัดนี้ ทั้งนี้ประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ใน 20 อันดับแรกในด้านการขออนุญาตก่อสร้าง การคุ้มครองนักลงทุน และการค้าข้ามแดน

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ใน 20 อันดับแรกของโลกในการจัดอันดับของรายงานความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งการจัดอันดับนี้ เป็นสิ่งยืนยันถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของประเทศไทยในการปรับปรุงปัจจัยแวดล้อมในการประกอบธุรกิจนางแอนเน็ต ดิกสัน ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าว<

สำหรับประเทศไทยนั้น การจัดตั้งศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จเป็นการพัฒนาที่ส่งผลให้การจัดตั้งธุรกิจในประเทศทำได้ง่ายขึ้น” ดร.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทยกล่าว ทั้งนี้ ศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จดังกล่าว คือศูนย์ที่สามารถให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการขอใบอนุญาตต่างๆ เพื่อเริ่มประกอบธุรกิจทั้งหมดในจุดเดียว ซึ่งในอดีตอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของภาครัฐ 3 หน่วยงาน

สิงคโปร์อยู่ในอันดับที่ 1 ของการจัดอันดับความสะดวกในการประกอบธุรกิจในช่วง 6 ปี ที่ผ่านมาติดต่อกัน โดยฮ่องกงได้รักษาอันดับที่ 2 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเริ่มใช้ระบบออนไลน์สำหรับการจดทะเบียนธุรกิจและการพัฒนาด้านขอรับบริการไฟฟ้าให้ง่ายขึ้น

ใน 14 ประเทศจากทั้งหมด 24 ประเทศในภูมิภาคนี้มีการพัฒนาด้านกฎระเบียบการประกอบธุรกิจในปีที่ผ่านมา โดยหมู่เกาะโซโลมอน ตองกา วานูอาตู และมาเลเซียมีการพัฒนาอย่างน้อย 3 ตัวชี้วัดที่ได้รับการประเมินโดย รายงานความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ มาเลเซียได้พัฒนาขึ้นมา 5 อันดับการจัดอันดับทั่วโลกโดยขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 18 ในด้านการปฏิรูปทางกฎระเบียบ ซึ่งรวมถึงการจัดตั้งศูนย์ให้บริการ ณ จุดเดียวสำหรับเริ่มธุรกิจใหม่ การใช้ระบบคอมพิวเตอร์กับระบบศาลพาณิชย์ และการพัฒนากระบวนการด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย โดยประเทศบรูไนได้พัฒนาขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 83 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาด้านการขอรับบริการไฟฟ้าได้สะดวกขึ้น

ชุดข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบการประกอบธุรกิจสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ ทั้งนี้ 2 ใน 3 ของประเทศทั้งหมดในภูมิภาคนี้ได้จัดทำประกาศสาธารณะ หรือการให้ข้อมูลออนไลน์เกี่ยวกับหลักฐานที่ต้องใช้ในการขออนุญาตก่อสร้าง “การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการประกอบธุรกิจได้ง่ายขึ้น” นางซิลเวีย โซล์ฟ ผู้เขียนหลักของรายงานฉบับนี้กล่าว โดยฮ่องกง มาเลเซีย ที่หมู่เกาะโซโลมอน ไต้หวัน จีน ตองกา และวานูอาตูได้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับการจัดตั้งธุรกิจ การจัดทะเบียนทรัพย์สิน และการพัฒนาระบบศาลให้ทันสมัย

การประเมินครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นว่าในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มี 22 ประเทศ ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกได้ทำการปฏิรูปปัจจัยแวดล้อมด้านกฎระเบียบให้เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากขึ้น “การทำให้กฎระเบียบการประกอบธุรกิจมีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้นจะเพิ่มโอกาสสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจนายออกัสโต โลเปส-คาลอส ผู้อำนวยการตัวชี้วัดสากลและการวิเคราะห์ กลุ่มธนาคารโลกกล่าว “ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกและแปซิฟิกนี้ธุรกิจได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปด้านกฎระเบียบอย่างกว้างขวางและอย่างต่อเนื่อ

เกี่ยวกับชุดรายงานความสะดวกในการประกอบธุรกิจ

รายงานความสะดวกในการประกอบธุรกิจ วิเคราะห์กฎระเบียบการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวงจรการประกอบธุรกิจทั้งหมด รวมถึงการจัดตั้งและการดำเนินธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ การจ่ายภาษี และการแก้ปัญหาการล้มละลาย โดยความสะดวกในการประกอบธุรกิจถูกประเมินจากตัวชี้วัดด้านกฎระเบียบในการประกอบธุรกิจ 10 ประการใน 183 ประเทศ โดยการจัดอันดับในปีที่ผ่านมาจัดทำโดยการคำนวนย้อนหลังเพื่อคิดรวมตัวชี้วัดตัวใหม่ ข้อแก้ไขในชุดข้อมูล และการปรับปรุงวิธีการจัดอันดับสำหรับตัวชี้วัดเดิมเพื่อให้ผลการเปรียบเทียบที่มีความหมายในการจัดอันดับครั้งใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม รายงานความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ยังไม่ได้วิเคราะห์ทุกแง่มุมของธุรกิจที่มีผลต่อกิจการ และนักลงทุน เช่น ความปลอดภัย เสถียรภาพด้านเศรษฐกิจมหภาค การฉ้อราษฎร์บังหลวง ระดับทักษะของแรงงาน หรือความเข้มแข็งของระบบการเงิน ผลของรายงานนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการอภิปรายด้านนโยบายในกว่า 80 ประเทศ และได้ทำให้มีการตั้งหน่วยงานวิจัยเพื่อหากฏระเบียบทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ

สื่อมวลชนโปรดติดต่อ
ใน วอชิงตัน ดีซี
Nadine Ghannam
โทร: +1 (202) 473-3011
nsghannam@ifc.org
ใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก
Hannfried von Hindenburg
โทร: +852 2509-8115
hvonhindenburg@ifc.org


ข่าวประชาสัมพันธ์ ที่:
EAP

Api
Api

Welcome