Skip to Main Navigation
publicationวันที่ 25 มีนาคม 2567

การวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ สำหรับประเทศไทย (ฉบับปรับปรุง) พ.ศ. 2567: ยกระดับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

The World Bank

ดาวน์โหลด SCD Update 2024 | ดาวน์โหดสรุป

 

รายงานการวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ (Systematic Country Diagnostic: SCD) (ฉบับปรับปรุง) พ.ศ. 2567 นี้ นำเสนอแนวทางการปฏิรูปที่สำคัญสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ถึงแม้ในภาพรวม ข้อสรุปของรายงานฯ ฉบับปี พ.ศ. 2559 จะยังคงสามารถนำมาปรับใช้ได้ แต่สภาพแวดล้อมทั้งในและนอกประเทศในปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ต่อประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโรคโควิด-19 ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งได้สร้างแรงกดดันต่อทั้งภาคเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและประชากร

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมข้างต้น ประเทศไทยยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและการเงินได้เป็นอย่างดี ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงมีข้อจำกัด  แม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะเร่งตัวขึ้นในปี พ.ศ. 2565 และ 2566 แต่การฟื้นตัวยังช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวช้าของภาคการท่องเที่ยวและการค้าโลก นอกจากนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำลงเนื่องจากการขาดการลงทุนที่เพียงพอ ผลิตภาพที่เติบโตช้าลง และการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประกอบกับการลดความยากจนที่เริ่มชะลอตัวลง และความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้และความมั่งคั่งที่อยู่ในระดับสูง

รายงานการวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาประเทศอย่างเป็นระบบ (ฉบับปรับปรุง) ได้ระบุผลลัพธ์ระดับสูง 5 ประการ ที่จะช่วยประเทศไทยเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจและพัฒนาสู่การเป็นประเทศรายได้สูงภายในปี พ.ศ. 2580 ภายใต้แนวทางการพัฒนาที่มีความเท่าเทียมทางสังคมและมีเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้

ปัจจัยท้าทายสำหรับประเทศไทย

  • การพัฒนาทุนมนุษย์ – ปัจจัยที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ ผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนไทยที่อยู่ในระดับต่ำ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบางที่ถูกกีดกันการเข้าถึงทรัพยากรและโอกาสต่าง ๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข โอกาสทางเศรษฐกิจ และบริการสาธารณะ รวมถึงการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานของผู้หญิงที่ยังต่ำ ล้วนเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสู่การเติบโตอย่างมีส่วนร่วมและการพัฒนาไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยทักษะและนวัตกรรม
  • เศรษฐกิจที่ด้อยศักยภาพการแข่งขัน – การขยายตัวของผลิตภาพของประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายจากความสามารถในการแข่งขันที่จำกัดและนโยบายการค้าที่เข้มงวดในภาคบริการ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรมทางธุรกิจ การครอบงำโดยบริษัทขนาดใหญ่และรัฐวิสาหกิจเพียงไม่กี่แห่งทำให้เกิดข้อจำกัดในการแข่งขันและประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากร นอกจากนี้ การพัฒนาทางเศรษฐกิจยังมีอุปสรรคจากอัตราการเพิ่มขึ้นของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ต่ำ และภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง
  • การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความเชื่อมโยง – กรุงเทพมหานครถือเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย อย่างไรก็ดี การเติบโตดังกล่าวส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา โดยเมืองรองมีอุปสรรคในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องมาจากข้อจำกัดทางการเงินและการวางแผนจากส่วนกลาง ช่องว่างโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมโยงทางบกและทางทะเล ยังเป็นอุปสรรคต่อการขยายความเชื่อมโยงภายในประเทศและระดับภูมิภาค ในขณะที่ข้อจำกัดในการใช้ข้อมูล เป็นอุปสรรคในการพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างเต็มศักยภาพ
  • ความเสื่อมโทรมทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและปัจจัยเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ – ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากแนวชายฝั่งที่ยาว ระบบเกษตรกรรมที่เปราะบาง  และความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วนอกจากนี้ ประเทศไทยประสบปัญหาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติเสื่อมโทรม มลพิษทางอากาศและน้ำ รวมถึงการบริหารจัดการขยะที่ผิดพลาด สิ่งเหล่านี้นอกจากจะส่งผลกระทบระยะสั้นแล้ว ยังส่งผลกระทบระยะยาวทั้งในด้านเศรษฐกิจมหภาคและต้นทุนทางสังคมจากการสูญเสียชีวิตและการลดลงของความมั่นคงทางอาหารและทุนมนุษย์
  • ความอ่อนแอเชิงสถาบัน – การปฏิรูปเชิงโครงสร้างของสถาบันต่าง ๆ ของประเทศไทยเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง มีส่วนร่วม และยั่งยืน โดยกฎระเบียบทางการคลังและปัญหาคอขวดด้านการลงทุนส่งผลให้ประสิทธิภาพของการลงทุนภาครัฐลดลง ในขณะที่การขาดความรับผิดชอบและความโปร่งใสที่เพียงพอเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปเชิงโครงสร้างและการพัฒนาสถาบัน โดยการปฏิรูปเชิงโครงสร้างของสถาบันต่าง ๆ เป็นประเด็นที่มีผู้เกี่ยวข้องในหลายภาคส่วน ซึ่งหากทำได้สำเร็จจะทำให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับประเด็นท้าทายทางด้านสังคมและเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลลัพธ์ระดับสูง 5 ประการ สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย

The World Bank
ทุนมนุษย์ที่แข็งแกร่ง: ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับปรุงผลลัพธ์การเรียนรู้และปิดช่องว่างทางทักษะสำหรับทุกคนด้วยการลงทุนเพิ่มเติมในด้านการศึกษา การกำหนดนโยบายการย้ายถิ่นแบบองค์รวม ร่วมกับการปฏิรูปเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของแรงงานหญิงและผู้สูงอายุ การปฏิรูปเงินบำนาญ และการให้ความช่วยเหลือทางสังคมแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการลดผลกระทบจากการเข้าสู่สังคมสูงอายุและรักษาวินัยทางการคลัง
The World Bank
เศรษฐกิจที่มีการแข่งขันและนวัตกรรม: ประเทศไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเทคโนโลยี สร้างกฎระเบียบด้านการแข่งขัน ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะ และเสริมสร้างศักยภาพ SMEs ด้วยการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงทางการเงิน นอกจากนี้ ประเทศไทยควรจัดการหนี้ครัวเรือนด้วยการให้ความรู้ด้านการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค
The World Bank
การพัฒนาเมืองแบบคาร์บอนต่ำและความเชื่อมโยง: ประเทศไทยมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเมืองรอง อย่างไรก็ดี การพัฒนาในอนาคตจะต้องป้องกันการขยายตัวของเมืองและความแออัดในพื้นที่เกิดใหม่ ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงภายในประเทศและระดับภูมิภาค นอกจากนี้ การพัฒนาและโครงสร้างพื้นฐานแบบคาร์บอนต่ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตอย่างเท่าเทียม
The World Bank
การพัฒนาที่ยั่งยืนและการป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ประเทศไทยจำเป็นต้องส่งเสริมแนวทางการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืนและภาคการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบ โดยประเทศไทยควรเตรียมการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น การรับมือและการป้องกันอุทกภัยและภัยแล้ง และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ นอกจากนี้ ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานที่ยั่งยืน
The World Bank
การสร้างสถาบันที่เอื้ออำนวย: ประเทศไทยควรส่งเสริมความทั่วถึงและความโปร่งใสในการบริการสาธารณะและการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจ และจำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบเพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกลางและท้องถิ่นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างขีดความสามารถสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับแต่ละพื้นที่ในการเข้าถึงบริการสาธารณะเพื่อลดความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสาธารณะ