แอดดิส อาบาบา เอธิโอเปีย 31 มกราคม 2553 – ธนาคารโลกและบริษัทไมโครซอฟท์ ประกาศแผนความร่วมมือใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจในแอฟริกาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) เป็นเครื่องมือ วันนี้สถาบันทั้งสองได้ลงนามในบันทึกความตกลงที่เมืองแอดดิส อาบาบา ประเทศเอธิโอเปียระหว่างการประชุมสุดยอดระดับผู้นำรัฐบาลของทวีปแอฟริกาในหัวข้อ “ICT ในแอฟริกา ความท้าทายและโอกาสสำหรับการพัฒนา”
ภายใต้ความตกลงฉบับนี้ ธนาคารโลกและไมโครซอฟท์จะร่วมกันพัฒนาโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนแผนงานการพัฒนาหลักๆ ที่ธนาคารโลกให้ความสำคัญในลำดับต้นทั่วภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา (Sub-Saharan Africa) อาทิ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การสร้างโอกาสการเข้าถึง ICT ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) การพัฒนาเศรษฐกิจด้าน ซอฟแวร์ของท้องถิ่นและทักษะการใช้ ICT การเสริมเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินกลับประเทศ (Remittances Technology) และสร้างศักยภาพในการรับมือกับภัยพิบัติให้กับภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา
“เป้าหมายของเราคือการช่วยนำภูมิภาคนี้เข้าสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ (Knowledge Society) และให้สามารถสร้างทรัพยากรภายในประเทศเพื่อสนับสนุนการสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีความสามารถในการแข่งขันได้” นายโอเบียเกลี อีเซ็กเวซิลี รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคแอฟริกา กล่าว “เราตระหนักถึงคุณค่าของความเชี่ยวชาญที่หุ้นส่วนภาคเอกชนของเราอย่าง ไมโครซอฟท์นำมาเข้ามาในภูมิภาค ซึ่งความเชี่ยวชาญในกรณีนี้คือความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเอื้ออำนวยการพัฒนา ด้วยความร่วมมือนี้เราจะมุ่งประยุกต์พลังอำนาจแห่งการเปลี่ยนแปลงของ ICT มาใช้ในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ เราหวังที่จะสร้างความร่วมมือในลักษณะเดียวกันนี้กับผู้มีบทบาทในภาคอุตสาหกรรม ICT อื่นๆ ด้วย”
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวจะมีการดำเนินโครงการจำนวนหนึ่งและจะมีการวัดการตอบรับ การติดตามและประเมินผลโครงการเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของโครงการด้วย ความริเริ่มต่างๆ ที่ได้รับการนำเสนอภายใต้ความร่วมมือนี้ได้แก่ การนำรูปแบบศูนย์นวัตกรรมของไมโครซอฟท์มาปรับใช้ในการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาด้านการพัฒนาซอฟแวร์ การฝึกอบรมทักษะทางธุรกิจและการพัฒนาตลาด และโครงการสร้างศักยภาพความเข้มแข็งให้แก่เยาวชน โดยมีจุดประสงค์ให้ความริเริ่มเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างงานในท้องถิ่น
สำหรับภาคการศึกษาภาคีของโครงการจะจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนการดำเนินการที่ประสบผลสำเร็จกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในด้านการสนับสนุนการวิจัยด้านการพลัดถิ่น (Diaspora) ของมหาวิทยาลัยแอฟริกันร่วมกับมหาวิทยาลัยแอฟริกันอื่นๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการโอนเงินกลับประเทศ จะมีการพิจารณาพัฒนาระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อประกันให้มีบริการอำนวยความสะดวกในการโอนเงินกลับที่รวดเร็วและราบรื่นในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกล ตลอดจนขยายเครือข่ายความครอบคลุมของบริการโทรศัพท์ในภูมิภาค
ความร่วมมือที่สำคัญอีกประการหนึ่งได้แก่ การสนับสนุนมาตรการด้านการบรรเทาภัยพิบัติผ่านเทคโนโลยี ธนาคารโลกและไมโครซอฟท์จะร่วมกันพัฒนาระบบข้อมูลในการบริหารจัดการภัยพิบัติสำหรับแอฟริกา พร้อมด้วยเครื่องมือสำหรับการประเมิน/ลดความเสี่ยง การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภัยพิบัติและเทคโนโลยีแบบยั่งยืนสำหรับระบบเตือนภัยโดยการใช้มาตรการบรรเทาภัยพิบัติของไมโครซอฟท์เป็นเครื่องมือ
“ในฐานะที่เราเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาของแอฟริกา เราเชื่อว่าเทคโนโลยีสามารถมีบทบาทที่ยั่งยืนและมีความหมายในการแก้ไขปัญหาความท้าทายหลายประการที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ความร่วมมือของเรากับธนาคารโลกและองค์กรเพื่อการพัฒนาอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงสหภาพแอฟริกา ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งแอฟริกา กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) และหุ้นส่วนใหม่แห่งการพัฒนาแอฟริกา (New Partnership for Africa’s Development -NEPAD) จะเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของเราในการเปิดศักยภาพของแอฟริกาผ่าน ICT” นายแฟรงค์ แมคคอสเกอร์ ผู้อำนวยการบริหาร Microsoft Global Strategic Accounts กล่าว
ธนาคารโลกและไมโครซอฟท์ได้เคยร่วมกันดำเนินความริเริ่มหลายประการมาก่อนหน้านี้แล้วทั่วโลก สำหรับในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารานั้น ทั้งสองสถาบันก็เคยร่วมมือกันในฐานะเป็นผู้ให้คำปรึกษาการพัฒนานโยบายด้าน ICT ของรัฐบาลรวันดา ซึ่งได้มีการสร้างมาตรการบริหารจัดการความรู้ขึ้นแล้วสำหรับคณะรัฐมนตรีของประเทศ
ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริมความสนับสนุนของไมโครซอฟท์ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากภายในประเทศที่ยั่งยืนในแอฟริกา บริษัทไมโครซอฟท์เริ่มการดำเนินการในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮาราเมื่อปี พ.ศ. 2535 และได้ขยายการดำเนินงานจนมีสำนักงานทั้งสิ้น 13 แห่งใน 9 ประเทศ มีพนักงานกว่า 600 คนและหุ้นส่วนทางธุรกิจกว่า 17,000 บริษัททั่วทั้งทวีป