กรุงเทพฯ, 1 กันยายน 2025 — ประเทศไทยกำลังเร่งผลักดันในการปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจสีน้ำเงินอย่างเต็มที่ โดยได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคอย่างแข็งแกร่งจากธนาคารโลก ซึ่งรวมถึงแผนการออกพันธบัตรสีน้ำเงินของรัฐบาลฉบับแรกของประเทศ เพื่อระดมเงินทุนสำหรับการพัฒนากิจกรรมที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน
ประเทศไทยมีจังหวัดตามแนวชายฝั่งทะเลถึง 23 จังหวัด และมีแนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,000 กิโลเมตร ตลอดจนทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลที่หลากหลาย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจ โดยคิดเป็นเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และประมาณ 26 เปอร์เซ็นต์ของการจ้างงาน อย่างไรก็ตาม จากรายงาน Innovative Blue Financing Solutions in Thailand ล่าสุดโดยธนาคารโลก พบว่า ทรัพยากรเหล่านี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากการกัดเซาะชายฝั่ง การรั่วไหลของมลพิษ การใช้ทรัพยากรเกินขนาด รวมถึงการขาดแคลนเงินทุน โดยในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา แนวชายฝั่งของประเทศประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ได้รับผลกระทบจากการกัดเซาะ ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่ารวมกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ
จากการศึกษาเพื่อประเมินความพร้อมของประเทศในรายงานดังกล่าว บ่งชี้ทว่า พันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bonds) เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพสำหรับประเทศไทย โดยได้รับแรงผลักดันจากความสนใจของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นและแรงขับเคลื่อนด้านนโยบายที่แข็งแกร่ง โดย ณ ปี 2022 มูลค่ารวมของพันธบัตรสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่หมุนเวียนอยู่ในประเทศไทยมีมูลค่าถึง 659 พันล้านบาท (20.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 35 เปอร์เซ็นต์
เมลินดา กู้ด ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยและเมียนมา ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า “ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกลุ่มธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (World Bank Group–IMF Annual Meetings) ในเดือนตุลาคม 2026 จึงถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทยที่จะแสดงศักยภาพด้านความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและความเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมเศรษฐกิจสีน้ำเงินต่อเวทีโลก เรามีความภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุนวิสัยทัศน์ของรัฐบาลไทยในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนท ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความมั่งคงและประโยชน์ระยะยาวทั้งในเชิงความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม— โดยผ่านการสร้างงานและวิถีการดำรงชีวิตในรูปแบบใหม่ ที่เอื้อต่อการอนุรักษ์งระบบนิเวศทางทะเลของประเทศสำหรับคนรุ่นต่อไป”
ธนาคารโลก ร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีความร่วมมือกันมาโดยตลอดในการพัฒนา กรอบการวางแผนพื้นที่ทางทะเลระดับประเทศ (Marine Spatial Planning: MSP) ผ่านการให้ความช่วยเหลือเชิงวิชาการในด้านเศรษฐกิจสีน้ำเงิน โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุน PROBLUE ซึ่งเป็นกองทุนให้เปล่าจากประเทศที่พัฒนาแล้วเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการอย่างยั่งยืนภายใต้ระบบนิเวศทางทะเลที่สมบูรณ์ กรอบแนวทางดังกล่าวมีเป้าหมายในการประเมินสภาพปัจจุบัน การออกแบบแนวทางการแก้ไขความขัดแย้งในการใช้ทรัพยากร รวมถึงการออกแบบนโยบายโดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการจัดการพื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งแบบบูรณาการ โดยกรอบแนวทางนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดทิศทางการลงทุนของภาครัฐและเอกชนในอนาคต โดยมุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
ธนาคารโลกยังได้หารือร่วมกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เกี่ยวกับแนวทางการลงทุนเชิงนวัตกรรมเพื่อเติมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเล (Blue Economy) ของประเทศไทย โดยครอบคลุมการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและการลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและการฟื้นฟูป่าชายเลน ผ่านการจัดการที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (Nature-based Solution: NbS); การส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน; และการพัฒนาบัญชีมหาสมุทรของประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการวางแผนพื้นที่ทางทะเลโดยใช้ข้อมูลเป็นฐาน และส่งเสริมการลงทุนในเศรษฐกิจทางทะเลอย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน ธนาคารโลกยังได้สนับสนุน โครงการเมืองคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Cities: LCC) ของประเทศไทย ซึ่งมีเป้าหมายในการช่วยให้เมืองต่าง ๆ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว ภายใต้ ซึ่งการฟื้นฟูป่าชายเลนเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งนั้นยังสามารถนำไปสู่การสร้างเครดิตคาร์บอนสีน้ำเงินโดยเชื่อมโยงกับกลไกภายใต้โครงการ LCC เพื่อลดการพึ่งพางบประมาณภาครัฐ และถือเป็นเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการลงทุนเพื่อขยายกลไลการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืนอีกด้วย
โครงการลงทุนและแนวทางต่างๆ เหล่านี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจทางทะเลที่ยั่งยืน (Sustainable Ocean-Based Development) ทโดยสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจในระยะยาวของประเทศ